เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Hoka Speedgoat 4 กับ Hoka Speedgoat 5 หน้าตาใกล้เคียง แต่ความรู้สึกช่างแตกต่าง
.
.
Speedgoat ถือว่าเป็นรองเท้าเทรลรุ่นยอดนิยมในประเทศไทย ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรียกว่าโควิดก็ทำอะไรเค้าไม่ได้จริงๆ ครับ มาเท่าไหร่ก็หมด นักวิ่งหลายคนเทใจและไว้ใจเจ้า Speedgoat เอามากๆ แค่ได้ยินเพียงชื่อก็สบายใจพร้อมลุยทุกสนาม และตอนนี้ Hoka ก็ปล่อยเจ้า Speedgoat 5 ออกมาแล้วความเหมือนที่แถบจะกลายเป็นฝาแฝดกับรุ่น 4 แท้จริงแล้วเนื้อในจะเหมือนหรือแตกต่างกัน ... ?
.
.
Upper
Speedgoat 4 : ผ้าตาข่าย (Mesh) ที่ถูกพัฒนาใหม่เสริมด้วย 3D Overleys
Speedgoat 5 : Double layer jacquard engineered mesh
ความแตกต่างในจุดนี้น่าสนใจและน่าประทับใจมากๆ เพราะการเปลี่ยนจาก Mesh ผ้าตาข่าย (ที่เค้าว่าพัฒนาใหม่แล้วนะ ...) ตอนรุ่น 4 ผมก็ยังรู้สึกว่ามันก็ผ้า Mesh คล้ายๆ เดิม แต่ว่าพอเป็น Speedgoat 5 เค้าเลือกใช้เป็น jacquard engineered mesh ซึ่งส่วนตัวแล้วผมว่ามันให้ความรู้สึกที่สบายเท้ามากๆ ตัวผ้าให้ตัวดี ยืดหยุ่นและให้ตัวได้มากกว่ารุ่นที่ผ่านมา สัมผัสกับผิวเท้าแล้วนุ่มนวล (ใครที่หน้าเท้ากว้าง เนื้อเท้าเยอะ ใส่รุ่น 5 แล้วน่าจะสบายขึ้น) ขยับนิ้วเท้าแล้วค่อนข้างเป็นอิสระ
.
ในเรื่องของความกว้างและความยาว จากที่เช็ค(ผมหน้าเท้าปกติ) ใส่เทียบกันรู้สึกว่าความกว้างยังใกล้เคียงเดิม ฐานยังกว้างเหมือนเดิม(ถ้าเทียบกับรุ่นแรกๆ ของเค้านะ) ส่วนความยาวผมรู้สึกว่ามันยาวขึ้นมาหน่อยนึง แต่ไม่ได้เหลือเยอะมากจนต้องลดเบอร์ลดไซซ์ (ผมยังเลือกใส่เบอร์เดิม)
.
และอีกส่วนที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือในส่วนของ Toecap ที่ปรับใหม่ให้มีความแข็งแรง พร้อมซัดทุกรากไม้และกินทุกก้อนที่เราเจอ มันให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยห่างไกลจากเล็บม่วง
.
..
Midsole
Speedgoat 4 : EVA ที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีน้ำหนักเบา
Speedgoat 5 : compression-molded EVA foam (CMEVA)
ในส่วนของ Midsole ต้องบอกว่า Speedgoat 5 แตกต่างอย่างชัดเจนจากเดิมรุ่น 4 ที่ให้ความรู้สึกนุ่มยวบ ซัพพอร์ตได้ดีเหมาะกับนักวิ่งที่ชอบรองเท้านุ่มๆ แต่ว่าพอนุ่มมาก จนกึ่งๆ ยวบพอวิ่งยาว วิ่งไกล ผมรู้สึกว่ามันจะกินแรงเราพอสมควร เหมือนวิ่งอยู่บนทราย (ผมมองว่า Speedgoat 4 มีความละม้ายคล้ายคลึงกับ Clifton 7) แต่นักวิ่งหลายคนเองก็ชอบในความนุ่มนี้เอามากๆ แต่พอมารุ่นที่ 5 ผมคงต้องขอแสดงความเสียใจกับนักวิ่งที่หลงใหลในความนุ่มนั้น เพราะตอนนี้ความนุ่มนั้นได้สูญสลายหายไปเป็นที่เรียบร้อย กลายมาเป็นความแน่น ที่ไม่ถึงกับเฟิร์ม แข็ง หรือกระด้าง แต่มันแน่นๆ ไม่นุ่มและยวบเหมือนเคย
.
มันยังคงซัพพอร์ตได้ดีเช่นเคย แต่เพิ่มเติมที่สามารถเร่งทำความเร็วได้ง่ายขึ้น ไม่กินแรง และมีความเป็น Speedgoat มากกว่าเคย
.
.
Outsole
Speedgoat 4 : Vibram® Megagrip
Speedgoat 5 : Vibram Megagrip with Traction Lug
และในส่วนสุดท้ายอย่างพื้นรองเท้า แน่นอนครับว่า Speedgoat 5 ก็ยังคงใช้เป็น Vibram® Megagrip ซึ่งแน่นอนครับว่าโลโก้สีเหลืองนี้ เราไว้ใจมันได้ทั้งในเรื่องของการยึดเกาะและความทนทาน ความลึกของดอกยางอยู่ที่ 5 มม. เท่าเดิม 4 เป็นยังไง 5 ยังเป็นยังงั้น (แต่เดี๋ยวก่อน...)
.
.
จริงๆ ถ้าซูมดูกันใกล้ๆ Speedgoat 5 เค้าแตกต่างออกไป สิ่งแรกคือตัวดอกยางลวดลายดูคมขึ้นต่างจากรุ่นเดิมเล็กน้อย (แต่ความแตกต่างเล็กๆ แบบนี้อาจจะส่งผลที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นได้) และสิ่งที่สองก็คือ Traction Lug ตุ่มเล็กๆ ที่แทรกเสริมอยู่บริเวณรอบๆ ดอกยางแต่ละดอก เค้าเคลมว่ามันจะช่วยเพิ่มพื้นผิวสัมผัส ทำให้การยึดเกาะดีขึ้น
สรุปส่งท้าย
ผมรู้สึกว่าการปรับเปลี่ยนของ Speedgoat 5 ทั้งในเรื่องของ Upper Midsole และ Outsole เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกว่าผมชอบมากกว่ารุ่น 4 เพราะมันมีความเป็น Speedgoat มากขึ้นใกล้เคียงกับ Speedgoat 2 ที่ผมทั้งรักทั้งชังและทุกวันนี้ยังคงเก็บไว้ (555) ผมมองว่าถึงแม้ความนุ่มยวบมันจะหายไป แต่ได้ความแรงกลับมามา แบบนี้สิถึงจะเหมาะและสมกับชื่อ "Speedgoat" อย่างแท้จริง
เลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์
มาเจอกันที่หน้าร้าน: หมู่บ้านร่วมจิต ซอยสุขุมวิท22
Map: http://bit.ly/RunnercartMap
เวลาเปิดทำการหน้าร้าน
- วันธรรมดา 9.00 น. - 18.00 น.
- วันเสาร์ - วันอาทิตย์ 11.00 น. - 16.00 น.
- วันหยุดนักขัตฤกษ์ 11.00 น. - 16.00 น.
(OPEN EVERYDAY )
ส่งฟรี / เปลี่ยนไซส์ฟรี
ผ่อน 0% 3-4เดือน (เมื่อยอดครบ 3,000 บาท)
ชิน ชินพรรธน์ ทีม Content Runnercart
เด็กหนุ่มกรุงเทพร่างบางที่หลงใหลการวิ่ง City Run กลางแดดเปรี้ยงๆ ไม่ใช่อะไรครับ ตื่นเช้าไม่ทัน ผ่าม! และเค้ายังชอบการวิ่งเทรลเพราะรู้สึกว่าท้าทายจิตใจ ร่างกาย และเป็นส่วนนึงกับธรรมชาติ เพซวิ่งแบบมีความสุข คือเพซ 6-7 งานอดิเรกคือการดูหนังและเม้าท์มอย
สโลแกนส่วนตัว ซ้อม 3 เดือน พัก 6 เดือน (เน้นพักไม่เน้นซ้อม)