Shoes Hunt ตามล่าหาความต่างระหว่าง Hoka Arahi 7 และ Hoka Arahi 6
Hoka Arahi เป็นรองเท้ารุ่นนึงที่ทาง Hoka วางให้โมเดลนี้ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องของเท้าล้มและเท้าแบน โดยทาง Hoka ได้ออกแบบเทคโนโลยี J-Frame ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปตัว J ที่ช่วยทำให้ตัวโฟมบริเวณอุ้งเท้าด้านในเฟิร์มมากกว่าจุดอื่นๆ เพื่อเป็นการดันไม่ให้เท้านั้นล้มเข้าด้านในขณะที่วิ่งหรือเดิน ซึ่งเจ้าเทคโนโลยีตัวนี้ถือได้ว่าเป็นตัวชูโรงและอีกส่วนนึงที่ทำให้ Hoka Arahi เป็นที่ชื่นชอบก็คือเรื่องของน้ำหนัก ถือว่าเป็นรองเท้าในหมวดซัพพอร์ต มั่นคง ที่มีน้ำหนักเบามาก สองร้อยกว่ากรัมเอง ซึ่งปกติกสายซัพพอร์ตเยอะๆ จะอยู่ราวๆ สามร้อยต้นๆ (ผมคิดว่าคงอาจจะเป็นเพราะเค้าดึงคาแรคเตอร์มาจาก Clifton ที่ซัพพอร์ตเยอะ แต่น้ำหนักเบานั่นเอง)
และ Hoka Arahi ยังได้การรับรองจากสมาคมแพทย์โรคเท้า American Podiatric Medical Association (APMA) Seal of Acceptance ได้รับการตรวจสอบโดยกลุ่มแพทย์โรคเท้า เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวส่งเสริมสุขภาพเท้าและมีประโยชน์ต่อสุขภาพเท้า
และในปี 2024 ทาง Hoka ได้ออก Arahi 7 มาต้อนรับปีใหม่โดยการปรับเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ให้ความรู้สึกที่สบายขึ้นกว่าเดิม หลักๆ การปรับเปลี่ยนจะอยู่ในโซนของอัปเปอร์
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของ Hoka Arahi 7
- ผ้าเปลี่ยนมาใช้เป็น Flat-Knit
- รูร้อยเชือกแบบคู่
- น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 8 กรัม
ก่อนอื่นผมอยากชวนมาดูความรู้สึกครั้งแรกของการใส่เจ้า Hoka Arahi 7 ว่าผมจะรู้สึกอย่างไร
ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของ Hoka Arahi 7 อาจจะดูไม่ได้แตกต่างจาก Hoka Arahi 6 มาก แต่ด้วยการปรับเปลี่ยนของตัว Upper และลวดลายบนผ้าก็พอจะทำให้เห็นถึงความแตกต่างอยู่บ้าง (ถึงแม้มันจะคล้ายเดิมมากก็ตาม 555) พอได้ลองยกขึ้นมาก็รู้สึกว่าในเรื่องของน้ำหนักยังถือว่าเบาอยู่และเอาจริงๆ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเค้าหนักขึ้นกว่าเดิมก็มันแค่ 8 กรัมเอง มือผมแยกไม่ออกจริงๆ หลังจากดูภายนอกแล้วก็ลองสวมเท้าเข้าไปตัวรองเท้าให้การโอบกระชับกำลังดีและแอบรู้สึกดีกว่าตัวรุ่นเดิม (ผมว่าผ้า Knit มันให้ความสบายที่นุ่มนวลมากกว่า) และก็รู้สึกว่าการวางเท้ามั่นคงกว่าเดิม เต็มเท้าดี
ในแง่ของตัวโฟมผมรู้สึกว่าตัวรองเท้ามีความนุ่มในระดับที่รับแรงกระแทกได้ แต่ไม่ยวบเพราะด้วยความเป็นรองเท้าสำหรับคนเท้าล้มเท้าแบนด้วยมันต้องมั่นคงไม่ยวบยาบ และหลายคนอาจจะกลัวว่ามันแข็งหรือเฟิร์มเกินไปรึป่าวเพราะเห็นบอกว่ามีเทคโนโลยี J-Farme ที่เสริมอยู่บริเวณเท้าด้านใน ส่วนตัวผมว่าไม่แข็งเลย ใส่เดินใส่วิ่งสบายเท้าสุดๆ (แถมยืนนานๆ ทั้งวันก็ได้เพราะว่ามันไม่นุ่มยวบนี่แหละครับ)
ส่วนผมที่เป็นคนเท้าปกติก็ใส่ได้ แต่มันจะให้ความรู้สึกที่เหมือนตัวรองเท้ามันซัพพอร์ตเราแบบขั้นสุดวางเท้าได้เต็มเท้า มั่นคง รองเท้ามันพยายามช่วยให้เราวางเท้าได้อย่างตรงจุดที่สุด
และถ้าถามว่าผมที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเท้าล้ม แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามันช่วยได้ รุ่นก่อนหน้านี้ในรุ่น 6 ผมลองถ่ายภาพสโลว์กับลูกค้าที่เป็นคนเท้าล้มมากๆ และมาย้อนดูจะเห็นชัดเจนเลยครับว่ารองเท้ามันช่วยประคองเท้าให้กลับมาตรงได้ถึงแม้จะไม่ 100% แต่เห็นชัดเลยว่าดีกว่ารองเท้าวิ่งปกติ (ในแง่ของการป้องกัน)
การทดลองสุดท้ายคือการใส่เทียบกับรุ่นเดิม ส่วนตัวผมว่าความรู้สึกของโฟมและพื้นไม่ต่างจากเดิมมากเท่าไหร่ แต่ผมรู้สึกว่าผมชอบผ้า Knit ของรุ่น 7 ที่ให้ความสบายและเนื้อสัมผัสดี เพราะมันส่งผลทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าใช้งานยาวๆ ทั้งวัน มันรู้สึกสบายเท้ามากกว่ารุ่นเดิม และถ้าในแง่ของการวิ่งอันนี้ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองมั้ยแต่รู้สึกว่ารุ่นใหม่หน้าเท้ามันเชิดในตำแหน่งที่ทำให้เราวิ่งได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
และก็มาถึงช่วง Shoes Hunt ตามล่าหาความต่างระหว่าง Hoka Arahi 7 และ Hoka Arahi 6
.
หมายเหตุ : คู่สีน้ำเงินคือ Hoka Arahi 7 / คู่สีเขียวคือ Hoka Arahi 6
1.ผ้าอัปเปอร์ : ครั้งนี้ทางแบรนด์เลือกใช้เป็น Flat-Knit ซึ่งมีลักษณะผ้าที่นุ่ม ยืด ให้ผิวสัมผัสที่ดีแต่ถ้าเทียบกับตัวรุ่นเดิมที่ใช้เป็นผ้าตาข่ายในแง่ของการระบายอากาศอาจจะดรอปลงมาเล็กน้อย
2.รูร้อยเชือกแบบคู่ : ที่ทางแบรนด์บอกว่าการปรับเปลี่ยนแบบนี้จะช่วยทำให้ตัวรองเท้ากระชับกับเท้ามากยิ่งขึ้นและยังทำให้เชือกถูกล็อคไว้กับที่ได้ดีกว่ารุ่นเดิมซึ่งในจุกนี้ผมยังไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างซักเท่าไหร่
3.บางและหนาขึ้น : จุดที่บางลงคือลิ้นรองเท้า ถึงแม้ว่าจะบางลงแต่ก็ไม่ถึงกับบางเฉียบยังมีบุนุ่มๆ อยู่ด้านในแต่ไม่เท่ากับรุ่นเดิม ส่วนสิ่งที่หนาขึ้นคือบริเวณ Heel Counter ที่รอบนี้หนาและทรงเรียวกว่ารุ่นเดิม (ส่วนตัวทำให้รู้สึกว่าบริเวณข้อเท้ากระชับล็อคได้ดี)
4.บึกบึนขึ้นกว่าเดิม : ด้วยตัวฐานรองเท้าที่กว้างขึ้นนิด และความหนาของโฟมขึ้นหน่อย ส่งผลให้รู้สึกวางเท้าได้มั่นคงมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม และแน่นอนครับว่าพอมีฐานที่กว้าง พื้นที่ที่มากขึ้น น้ำหนักก็ขยับขึ้นมาเช่นเดียวกัน (ขึ้นมา 8 กรัม)
5.เชิดขึ้นหน่อย วิ่งเพลินกว่าเดิม : จากที่ได้ลองสวมและลองนั่งวัดแบบคร่าวๆ (ไม่รู้คิดไปเองรึป่าว) แต่ผมรู้สึกว่า Hoka Arahi 7 หน้าเค้าเชิดในมุมที่ลึกกว่ารุ่นเดิม ซึ่งส่งผลให้เวลาเราเคลื่อนที่ไปข้างหน้าทำได้ง่ายขึ้นกว่าครับ
.
และสุดท้ายอะไรบ้างที่ผมยังมองว่าเหมือนเดิม
- เทคโนโลยี J-Frame : ที่ยังคงใช้ได้ดีเหมือนเดิม ประคองเท้าได้เช่นเคย ให้ความรู้สึกเหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา
- โฟม : ลองใส่เทียบแล้วรู้สึกว่าถ้าหลับตา แล้วจับความรู้สึกของโฟม แถบจะแยกกันไม่ออกเลย ยังคงมีความแน่น แต่ไม่แข็ง และนุ่มพอที่จะซัพพอร์ตแรงกระแทกในการทำกิจกรรมได้ดี
.
หมายเหตุ : จากประสบการณ์ที่เก็บข้อมูลจากลูกค้าหน้าร้านและออนไลน์จะพบว่า Hoka Arahi และ Clifton จะมีลักษณะเท้าบางประเภทที่อาจจะไปชนเข้ากับ Insole และทำให้เกิดอาการเสียดสีกับฝ่าเท้าได้ (ถ้าใครไม่แน่ใจ สามารถแวะเข้ามาลองก่อนได้ที่ Runnercart ร้านวิ่งสุขุมวิท 22)
บทสรุป
Hoka Arahi 7 ถือว่าเป็นรองเท้าวิ่งที่ตอบโจทย์สำหรับคนรักสุขภาพเท้า หรือคนที่ต้องการรองเท้าสำหรับการซัพพอร์ตเยอะๆ และแน่นอนว่ามันตอบโจทย์คนเท้าล้ม เท้าแบนอย่างแน่นอน เพราะเอาจริงๆ ขนาดผมเป็นคนเท้าปกติ พอได้ลองสวมแล้วรู้สึกเลยว่ารองเท้าคู่นี้นอกจากจะใส่วิ่งได้ดีแล้ว ผมว่ามันยังเอามาใส่เที่ยว ใส่เดิน หรือยืนทำงานทั้งวันก็ได้ ด้วยคาแรคเตอร์รองเท้าที่มั่นคง ไม่นุ่มยวบ ทำให้การยืนหรือเดินทั้งวันแล้วไม่จมลงไปจนทำให้เราปวดหลัง หรือปวดเท้า และด้วยน้ำหนักที่เบาราวๆ 2xx กรัม ก็ทำให้เราไม่ได้รู้สึกว่าตัวรองเท้าหนักจนเกินไป ถือว่าเป็นอีกคู่ที่คุ้มค่า คุ้มราคา สุดท้ายขอตอบคำถามที่ว่าจะซื้อรุ่น 7 หรือรุ่น 6 ดี ให้ทุกคนตัดสินใจที่ตัวอัปเปอร์เลย ถ้าชอบนุ่มนวล ผิวสัมผัสดีจัด Hoka Arahi 7 แต่ถ้าชอบผ้าที่ระบายอากาศได้ดี แห้งไว Hoka Arahi 6
ปล.ผมว่า Hoka Arahi 7 เหมาะกับการเป็นของขวัญให้กับญาติผู้ใหญ่ที่ออกกำลังกายด้วยการเดินเร็วอีกด้วย
.
รีวิว : แอดมินชิน